จากที่ได้ใบขับขี่ใบแรกมา เวลา 2 ปีกว่าๆก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว (พร้อมกับชีวิตที่ยุ่งเหยิง 555) ก่อนบัตรหมดอายุประมาณ 1 เดือนจะมี ハガキ หรือไปรษณียบัตรจากศูนย์สอบใบขับขี่ว่าสามารถไปต่อใบขับขี่ได้แล้วนะ โดยในไปรษณียบัตรจะแจ้งรายละเอียดทุกอย่างว่าสามารถไปต่อได้ที่ไหน ยื่นเรื่องได้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ใช้เวลาอบรมกี่ชั่วโมง ไปลงทะเบียนได้ช่วงเวลากี่โมงถึงกี่โมง รวมถึงค่าธรรมเนียมที่ต้องเตรียมไปคือเท่าไหร่ เพราะการต่อใบขับขี่ที่นี่แต่ละคนจะไม่เหมือนกันตามระยะเวลาที่ถือบัตรและพฤติกรรมการขับรถของแต่ละคน คือถ้าขับรถดีไม่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ทำผิดกฎจราจร ก็จะได้รับการอัพเกรดสถานะบัตร ซึ่งจะทำให้การมาต่อใบขับขี่ง่ายขึ้น (สามารถเลือกต่อที่สถานีตำรวจใกล้บ้านได้ ระยะเวลาเข้าอบรมสั้นลง (2 ชม. -> 1 ชม. -> 30 นาที) และตอนนี้กำลังจะเพิ่มช่องทางให้อบรมออนไลน์ได้เฉพาะคนที่ถือบัตรสีทองเท่านั้นด้วย) ค่าธรรมเนียมการต่อบัตรก็จะถูกลงด้วยค่ะ

สำหรับการต่อบัตรครั้งแรก เปลี่ยนจากบัตรสีเขียวเป็นบัตรสีน้ำเงิน จะต้องอบรม 2 ชั่วโมง ค่าธรรมเนียม 3,850 เยน ย้ายจากโทจิกิลงมาอยู่โตเกียว พอมาต่อบัตรที่โตเกียวรู้สึกว่าระบบขั้นตอนต่างกันพอสมควร ครั้งนี้มาต่อใบขับขี่ที่ศูนย์สอบใบขับขี่ฟุจู　府中試験場 ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ที่นี่ทำรวดเร็วมาก สามารถรองรับคนจำนวนมากได้ดีมากจริงๆ

ไปถึงศูนย์สอบประมาณ 10:40 น. (จริงๆเปิดตั้งแต่ 08:30 น. แต่ว่าติดธุระ มาเร็วสุดได้เวลานี้ค่ะ) ผ่านกระบวนการทุกอย่างและได้เข้าอบรมรอบ 11:10 น. แบบมีเวลาเหลือก่อนเริ่มอบรม 10 นาทีด้วย

ขั้นตอนการต่อใบขับขี่ของที่นี่คือ

1. ตรวจเอกสาร (ไปรษณียบัตร กับ ใบขับขี่เดิม) แล้วออกใบคำร้องต่อใบขับขี่มาให้กรอก
2. จ่ายค่าธรรมเนียม
3. ตรวจสายตา （視力検査）(แค่ดูภาพคล้ายๆตัว C แล้วบอกว่าช่องว่างอยู่ทางไหน บน ล่าง ซ้าย ขวา)
4. เช็คเอกสารการตรวจสายตา
5. ออกรหัสลับสำหรับบัตร
6. ตรวจเช็คเอกสาร รับยื่นคำร้อง (ซึ่งในกรณีเป็นต่างชาติจะขอเช็ค 在留カード หรือ ไซริวการ์ด ด้วยค่ะ)
7. ถ่ายภาพติดบัตร
8. รับคิวเข้าห้องอบรม
9. ลงทะเบียนเข้าห้องอบรม

ทั้ง 9 ขั้นตอนนี้คือทำ flow ดีมาก น่าจะใช้เวลาไปประมาณ 15 นาที ที่พื้นจะมีเส้นทางเดินแปะเป็นสีน้ำเงิน สีเขียว สีเหลือง เหมือนตามเงื่อนไขของแต่ละคน อย่างของเราพอเสร็จจุดหนึ่งก็จะบอกให้เดินไปเคาเตอร์เบอร์อะไร ทำอะไรต่อ ตรงไหนที่ดูซับซ้อนหน่อยก็จะบอกว่าให้เดินตามลูกศรสีอะไร คือถ้าฟังเจ้าหน้าที่เข้าใจก็จะเร็วและไม่หลงเลยค่ะ

สำหรับการอบรมแบบ 2 ชั่วโมง จะมีเจ้าหน้าที่มาพูดเหมือนสอนหนังสือ ประมาณ 1 ชั่วโมง เกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นปีที่ผ่านมา สาเหตุ ต่างๆ มีพักเบรค 10 นาที แล้วดู VDO เกี่ยวกับลักษณะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อย พร้อมกับวิธีการลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ (25 นาที) แล้วก็จะมาอัพเดทกฎหมายข้อบังคับต่างๆ รวมถึงเครื่องหมายจราจรที่เปลี่ยนไปในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงข้อควรปฏิบัติหากเกิดภัยพิบัติหรือแผ่นดินไหวรุนแรง ซึ่งเป็นความรู้ใหม่สำหรับเรา (เพราะที่โทจิกิไม่มีป้ายแบบที่โตเกียว) ว่าถ้าเกิดแผ่นดินไหวระดับ 6 ขึ้นไป ถนนบางเส้น รถยนต์ทั่วไปห้ามวิ่ง (หนึ่งในนั้นคือถนนหน้าบ้านดิชั้นเองค่า ปีที่แล้วที่ย้ายลงมา ขับรถเส้นหน้าบ้านก็เห็นป้ายปลาแต่ก็ยังไม่ได้เข้าใจอะไรมากมายคืออะไร 55) เพราะเอาไว้ให้รถพยาบาล รถดับเพลิง รถตำรวจ รถกู้ภัยต่างๆใช้เป็นหลัก คือจริงๆแทบจะห้ามใช้รถเลยด้วย ยกเว้น คนที่ขับอยู่บนถนนอยู่แล้ว ให้หาเส้นเลี่ยงทางเฉพาะกับพอถึงจุดหมายแล้วขอความกรุณางดใช้รถ หรือหากเกิดแผ่นดินไหวหนักต้องทิ้งรถ ขอให้เอาเอกสารสำคัญไปด้วย แล้วทิ้งรถที่ปิดหน้าต่างเรียบร้อย ดับเครื่องยนต์และกุญแจไว้ในที่มองเห็นได้ง่าย เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายภายหลัง

ความพีคคือจริงๆทุกคนรู้อยู่แล้วว่า ห้ามหลับ ถ้าหลับหรือหยิบมือถือขึ้นมากดตอนเจ้าหน้าที่บรรยาย คือเชิญรอลงทะเบียนเข้าอบรมรอบถัดไปเลยค่ะ เพราะถือว่าไม่ผ่านอบรม วันนี้ตอนที่อบรมไปแล้วชั่วโมงครึ่ง มีคนนึงหลับ เจ้าหน้าที่หยุดบรรยายแล้วเดินเข้าไปปลุก พร้อมกับบอกว่ารอลงทะเบียนอบรมรอบถัดไปเลยนะ ส่วนคนที่ผ่านแล้วก็เดินไปรับใบขับขี่ได้เลย ตามคิวที่ลงทะเบียน คืออบรมเสร็จ 13:10 น. รับบัตรเรียบร้อยพร้อมกลับบ้านตอน 13:15 น. ต้องยอมรับการวางระบบและการจัดการของที่นี่จริงๆ ประทับใจมากค่ะ หวังว่าถ้าได้ไปต่อใบขับขี่รอบถัดไปจะได้เป็นบัตร Gold นะคะ 555